ตัวเลขนี้ในชาติอื่นทั่วโลกก็เยอะไม่แพ้กัน พวกเราใช้เวลาไปกับการนั่งและไม่เคลื่อนไหวมากไปรึเปล่า? นอกจากไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังไม่ดีต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
และหารู้ไม่ว่าแค่การลุกขึ้นมา “เดิน” ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และนำไปสู่คุณภาพชีวิตของเราโดยรวมที่ดีขึ้นได้!!
How? การเดินมาเกี่ยวข้องยังไงกับการงาน ( Productive Walk )
มนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ เราใช้ร่างกายและสมองในการทำงาน ทุกย่างก้าวของการทำงานหมายถึงทุกย่างก้าวของร่างกายที่ใช้ไปในเวลาเดียวกัน
แต่พฤติกรรมคนยุคปัจจุบันมักเป็นแบบ “Sedentary Activity” หรือกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว นั่งทำงานกับโต๊ะ นั่งรถติดในรถ 3 ชั่วโมง นั่งประชุมยาวๆ 6 ชม. นอนเล่นมือถือ
ซึ่งพฤติกรรมโลกยุคใหม่นี้มันไม่สอดคล้องกับร่างกายที่มนุษย์วิวัฒนาการมา ร่างกายเราถูกออกแบบมาให้เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเราไม่เคลื่อนไหว เราจะป่วยอ่อนเพลียจนโรคภัยถามหา (อีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมคนเราต้อง ‘ออกกำลังกายตลอดชีวิต’)
การเปลี่ยนแปลงต้องกลับไปสู่พื้นฐานที่ร่างกายมนุษย์วิวัฒนาการมา นั่นคือการเดิน(สองขา)
วารสารการแพทย์มากมายเผยว่า การเดินเฉลี่ยวันละเพียง 30 นาทีช่วยลดโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อม, มะเร็งเต้านม, และโรคหัวใจได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
นักวิจัยจาก Stanford University เผยว่า จะยิ่งดีมากถ้าคุณสามารถเดินอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ มันมอบความผ่อนคลายให้คุณ สามารถชะโลมจิตใจ ลดความหยาบกระด้างของเมือง…และของจิตใจคุณ
นักวิจัยกลุ่มนี้ทดลองสแกนสมองของผู้เข้าร่วมการทดลองหลังจาก เดินในสวน VS. เดินในเมือง(ที่พลุกพล่าน) เป็นเวลา 90 นาที พบว่าเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงถึงการเกิดอารมณ์แง่ลบ พบในคนเดินในเมืองมากกว่าคนเดินในสวนอย่างมีนัยยะสำคัญ
อีกผลวิจัยในปี 2014 ที่ทำกับนักศึกษามหาวิทยาลัยจำนวน 176 คนพบว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง เดิน VS. นั่ง พบว่าการเดินช่วยกระตุ้น “ความคิดสร้างสรรค์” มากกว่าการนั่งอยู่เฉยๆ ถึง 60%!!
สมองคนเราโฟกัสได้เต็มที่ไม่เกิน 90-120 นาที ก่อนต้อง “พัก” (Rest) และการเดินเป็นการพักชั้นเลิศรูปแบบหนึ่ง จากผลวิจัยระบุว่า การเดินเพียง 12 นาทีก็สามารถปรับอารมณ์เราให้ดีขึ้นได้แล้ว และยังกระตุ้นสมองให้กลับมาโฟกัสสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีสติขึ้น
โดยจะดีมากถ้าหากเดินแบบไม่คิดอะไรในหัวได้ (Thoughtless Walk) หรือเราอาจเรียกว่า ‘เดินทำสมาธิ’ ก็ได้ ปล่อยสมองให้ว่างเปล่า หยุดฟุ้งซ่าน อยู่กับปัจจุบันขณะ…หลายคนอาจพบว่าไอเดียบางอย่าง ‘แว่บ’ เข้ามาในหัวช่วงเวลามหัศจรรย์นี้
นอกจากนี้ การเดินยังทำให้เรารับรู้ความเป็นไปของสภาพสังคมรอบตัว (ไม่ใช่แค่นั่งรถผ่าน) ออกมาเดินสำรวจข้างถนนบ้าง เราอาจเข้าใจชีวิตอันหลากหลายของผู้คนมากขึ้น นำไปสู่การออกแบบสินค้า-บริการที่ตอบโจทย์มากขึ้น
ถ้าอยากหาข้อสรุปที่ใกล้ตัวที่สุด ให้คิดซะว่าการเดินช่วยลดอาการ “Office Syndrome” หรือกลุ่มของโรคที่เกิดจากการทำงานที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น นั่งโต๊ะทำงานนานหลายชั่วโมงโดยไม่ได้ลุกไปไหน
การเดินของเหล่า CEO
Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ขึ้นชื่อในเรื่อง “Walking Meeting” หรือประชุมไป-เดินไป ซึ่งเขาได้ผสานมันมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในชีวิตประจำวันมานานแล้ว
ตามที่สำนักข่าว Bloomberg รายงาน การเข้าซื้อ WhatsApp ของ Facebook ด้วยมูลค่ากว่า 19,000 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ เกิดขึ้นหลัง Mark Zuckerberg และผู้บริหารระดับสูงของ WhatsApp ทำการเดินไป-ประชุมไปหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมาถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่า นี่เป็นดีลซื้อขายที่คุ้มค่ามากของ Facebook
Sundar Pichai ซีอีโอของ Google เผยว่า “เวลาจะคิดไอเดียใหม่ๆ…ผมจะเริ่มออกเดิน”
Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group ยังกล่าวว่า “หลายครั้งที่ผมตัดสินใจและปิดดีลธุรกิจระหว่างการเดิน”
ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ แต่การเดินยังถูกนำไปใช้กับบริษัทขนาดเล็ก-กลางด้วย
คุณ Susan Baroncini-Moe ซีอีโอจาก The BounceBack Artist บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโค้ชชิ้ง เผยวัฒนธรรมองค์กรอันแตกต่างของเธออย่างหนึ่ง คือ “You Meet, You Move.” ทุกการประชุมทางไกลต้องเกิดขึ้นไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวร่างกายทางใดทางหนึ่ง การประชุมเริ่มต้นด้วยการที่แต่ละคนบอกกับคนอื่นว่า…กำลังเดินสวนอยู่-วิ่งบนลู่วิ่งอยู่-ปั่นจักรยานอยู่
เธอเผยว่าไม่ได้ทำเอาเก๋ๆ ตามกระแส แต่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนมาแล้ว เพราะการเคลื่อนไหวช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ สมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เมื่อเราเคลื่อนไหวเลือดจะสูบฉีดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น
ไม่แปลกที่คุณจะได้ยินเสียงคนเข้าประชุมที่นี่ ‘หอบไป-คุยไป’ ซึ่งเธอบอก “นั่นเป็นสัญญาณที่ดี”
การทำงานยุคใหม่
อะไรที่มันไม่สอดคล้องกับธรรมชาติร่างกายของมนุษย์จะเริ่มถูกปัดทิ้งไป
มูลค่าความเสียหายของอาการ Office Syndrome ที่เกิดแก่ตัวบุคคล สังคม และธุรกิจ เป็นตัวจุดชนวนให้คนหันมาใส่ใจเรื่องการเดินและการทำงานที่สอดคล้องกับร่างกายมนุษย์มากขึ้นแล้ว
Apple Park ฐานบัญชาการใหญ่ของบริษัท Apple มูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท (สูงกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ) ก็ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ไพศาล เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ จัดอีเว้นท์ วิ่ง และ…เดิน
เราเริ่มเห็นเทรนด์นี้มากขึ้นแล้วใน ‘มิติ’ อื่น
ออฟฟิศสมัยใหม่หลายแห่ง มีการผนวกศาสตร์การออกแบบที่รองรับการเดินและปฏิสัมพันธ์ของพนักงานเผื่อไว้ตั้งแต่โครงสร้างของตึกแล้ว ดีไซน์ให้เดินได้ต่อเนื่อง เดินหน้ากระดานได้หลายคน ทัศนวิสัยน์มองเห็นทะลุไปไกล มีพื้นที่สีเขียวรายล้อม…จากแต่ก่อนที่พนักงานมักมาพบปะคุยกันแค่ตรง…ตู้กดน้ำ (Water-Cooler Chat)
Google สร้างห้องนอนที่มืดสนิทในออฟฟิศให้พนักงานพักผ่อนเมื่อง่วง (เพลียก็นอน!) รวมถึงให้พนักงานออกแบบตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้นให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง (บอกลา 9-5!)
เราเดินทางมาไกลพอแล้ว ถึงตรงนี้เราตระหนักดีแล้วว่าเรื่องเรียบง่ายอย่างการเดิน…พาเราไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ
ถึงเวลาตัวคุณพิสูจน์เองโดยการออกเดินแล้ว..
.
.
และจะดีมาก ถ้าคุณเดินไป-ทำ…“แบบประเมินอาชีพ” ไปจาก CareerVisa ซึ่งช่วยโอกาสให้คุณเจออาชีพในฝันที่ใช่! >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/
อ้างอิง
- https://www.forbes.com/sites/barnabylashbrooke
- https://timberry.bplans.com/productivity-tip-walking-meetings-park/
- https://www.cnbc.com/2018/08/23/why-ceos-at-google-facebook
- https://medium.com/thrive-global/the-power-of-walking-meetings-952a99032909
- https://serraview.com/11-active-design-ideas-improve-wellbeing-workplace/