อยากงานเสร็จไว ต้อง “ทำทีละงาน” Single-Tasking vs Multi-tasking

Multi-tasking
เมื่อมีงานหลายอย่างกองอยู่ตรงหน้า หลายคนเลือกทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันเพื่อ “ประหยัดเวลา” ซึ่งเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด

แต่การที่เราทำ Multi-tasking ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำได้ดี…หรือสมองถูกออกแบบมาให้ทำอย่างนั้น

ผลวิจัยจาก The American Psychological Association เผยว่า Multi-tasking ทำให้เกิด Productivity Loss ถึง 40%

Multi-tasking ที่หนักเกินไป นำไปสู่โรคซึมเศร้าซึ่งสร้างความเสียหายแก่นายจ้างสูงถึง 700,000 ล้านบาทเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และทำให้พนักงานขาดงานเพราะรู้สึกไม่ดีเฉลี่ย 8.7 วัน/ปี

การวิจัยด้วยเครื่องสแกน MRI จาก Univerity of London เผยว่า คนที่ทำ Multi-task บ่อยๆ ส่งผลถึงระดับ IQ และ EQ ที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

Dr. Guy Winch นักจิตวิทยาชาวอเมริกันเผยความจริงว่า Multi-tasking ไม่ใช่การทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันแบบที่เราคิด แต่เป็นการทำทีละอย่าง “สลับไปมา” ในเวลาอันรวดเร็วต่างหาก…งานนี้นั่งคิดยังตกผลึกไม่ทันเสร็จก็สลับไปคิดงานอื่นแล้ว ในภาพรวมวิธีนี้ทำให้ Productivity ลดลงถึง 20%

เรื่องนี้จริงทั้งงานและเรื่องอื่นในชีวิต 

ชีวิตก็เหมือนอาหารบุฟเฟ่ต์ เราหยิบกินเท่าไรก็ได้(มีอะไรให้ทำมากมาย)…แต่กินได้แค่ทีละคำ 

ผลวิจัยจาก University of Utah เผยว่า การขับรถไปคุยโทรศัพท์ไป…แม้จะเสียบหูฟัง เปิดลำโพง หรือใช้อุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม ประสิทธิภาพการตอบสนองของคนขับจะต่ำลงไม่ต่างจากคนดื่มแอลกอฮอล์!

แต่งานจุก มีอะไรให้สะสางเพียบ…เราพอจะทำอะไรได้บ้าง?

Tina Seelig ศาสตราจารย์ด้านนวัตกรรมที่ Standford University (ผู้เขียนหนังสือชื่อดัง What I Wish I Knew When I Was 20) เผยเคล็ดลับว่า ให้ทำการ “Cluster” จับกลุ่มกิจกรรมเป็นก้อนๆ ที่มีจุดเชื่อมโยงกัน 

เช่น คุณต้องการ 1. พบปะพูดคุยกับแก๊งค์เพื่อนฝูง 2. ออกกำลังกายกับเพื่อนฝูง แต่ในเมื่อมีเวลาจำกัด ให้ลองออกแบบไลฟ์สไตล์ที่ทำทั้งคู่ได้ในเวลาเดียวกัน

สุดท้ายคุณอาจชวนกันไป “ตีกอล์ฟ” ซึ่งเป็นพื้นที่สานสัมพันธ์ชั้นดีและได้ออกกำลังกายไปในตัว เมื่อรวม 2 กิจกรรมให้เป็น 1 โดยใช้เวลาเท่าเดิม เราก็เหลือเวลาไปทำงานหลักได้มากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ ให้จัดลำดับความสำคัญ (Priority) ไม่เกิน 3 เรื่องตามกฎ “Rule of Three” เพราะสมองโฟกัสได้เต็มที่แค่ 3 เรื่อง ถ้ามีเรื่องที่ 4-5-6 เข้ามา ประสิทธิภาพจะลดฮวบทันที

ใช้เทคนิค “Time Blocking” ซอยเวลาเป็นบล็อคย่อยๆ แต่ละบล็อคอาจกินเวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ได้แต่ต้องทำแค่เรื่องเดียว ระหว่างที่ทำบล็อคนึงก็ห้ามทำอย่างอื่น ห้ามใครมารบกวน ห้ามเล่น Facebook

อย่มองข้ามเรื่องเบสิคอย่างการ “จัดโต๊ะทำงาน” ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องสวย ขอแค่สะอาดตาโล่งๆ ซึ่งช่วยเพิ่มการโฟกัสให้สมองได้

ฝึกจิตให้เลิกตอบสนองทันที เช่นทำงานอยู่ เพื่อนไลน์มาเม้าส์ ก็กดเข้าไปคุยยาว การลบแอปที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีในยุคที่เวลาเราถูกแย่งไปเหลือเกิน การฝึกจิตให้โฟกัสเรื่องเดียวในยุคนี้…เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง

วิธีนี้ยังลดความเครียดได้ด้วย เช่น กำหนดเวลาเช็คอีเมล เมื่อเช็คเสร็จ ก็ลุยงานอื่นยาวๆ ให้เสร็จโดยไม่ต้องเข้าไปเช็คเมลเรื่อยๆ อีกแล้ว (ยกเว้นอีเมลด่วนสำคัญจริงๆ)

คนสำเร็จ “ทำทีละงาน” มากกว่าที่เราคิด

Tim Cook เป็นคนที่ตื่นเช้ามาก (ไม่เกินตี 4 ทุกวัน) กิจวัตรที่เขาจะทำคือ เช็คและตอบอีเมลหลายร้อยฉบับให้เสร็จ ระหว่างนั้นจะไม่ทำอย่างอื่นเลย

Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Twitter มีวิธีเป็นเอกลักษณ์โดยการแบ่ง “ธีมประเภทงาน” ไปตามแต่ละวัน เช่น วันจันทร์-ด้านบริหารจัดการ / วันอังคาร-ด้านผลิตภัณฑ์ ช่วยให้เค้าโฟกัสไปที่เรื่องเดียวตลอดวัน รู้ว่าวันนี้ต้องทำแค่อะไร

Elon Musk บริหารเวลาด้วย Time Blocking แบ่งเวลาเป็นบล็อคสั้นๆ เขาจะทำให้เสร็จทีละบล็อคก่อนทำอย่างอื่น เช่น ตอบอีเมล 5 นาที / อาบน้ำ 6 นาที / กินข้าว 7 นาที

Steve Jobs เริ่มด้วยการตัดเรื่องไม่สำคัญทิ้งให้หมด และโฟกัสเรื่องสำคัญที่สุดก่อน โดยจะใส่ Deadline ในทุกๆ เรื่อง กระตุ้นให้ทำได้มากขึ้น

คุณรวิศ เจ้าพ่อ Podcast แห่งเมืองไทยเคยบอกว่า สมัยพึ่งเริ่มทำใหม่ๆ เคยลองอัด Podcast บนรถเบาะหลังขณะกลับบ้าน แต่ก็ทำได้ไม่นาน เพราะไม่มีสมาธิส่งผลให้คุณภาพไม่ดี ตอนหลังจึงอัดเฉพาะในห้องที่มีอุปกรณ์พร้อมเท่านั้น

ทำทีละงานยังใช้ได้กับทั้งองค์กรอย่าง Buffer ผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Single-Tasking ที่แข็งแกร่ง ลุยงานเดียวให้จบ พนักงานมีสิทธิ์ปฏิเสธเพื่อลุยงานตัวเองให้เสร็จสรรพก่อน

.

.

ทำทีละงาน ยังใช้ได้กับการทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa ที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ได้เจออาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ! >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> MyRightCareer.net

อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

อยากมีความสุข
อยากมีความสุข ต้องหยุดวิ่งตามความสุข! เปลี่ยนชีวิตด้วยแนวคิด Antifragility
หลายคนเข้าใจว่าความสุขคือการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ปราศจากความเจ็บปวดหรือความเครียด แต่ในความเป็นจริง งานวิจัยพบว่า การวิ่งไล่ตามความสุขมากเกินไป อาจทำให้เราห่างไกลจากมันยิ่งขึ้นแนวคิด...
วิธีเพิ่ม Employee Engagement
15 วิธีเพิ่ม Employee Engagement สำหรับ HR โดยไม่เสียเงินสักบาท
ทีม HR ไม่ใช่ทีมที่มีเงินเยอะเท่าไหร่ แต่อยากหา “วิธีเพิ่ม Employee Engagement” ให้ได้ผลCareerVisa มี 15 ไอเดียมาแนะนำ ในแบบทีไม่ต้องใช้เงินเพิ่มสักบาท.♥️ส่งเสริมสมดุลชีวิตและการทำงาน...
10 ทักษะ
10 ทักษะสุดล้ำ พัฒนาไว้เพื่อก้าวสู่อนาคตการทำงานในปี 2025
เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานในปี 2025 โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกพัฒนาและนำมาใช้ในทุกสายงาน ทำให้ทักษะที่เคยสำคัญอาจล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว...