วันนี้คุณ “ถามลูกค้า” (จริงๆ!) แล้วหรือยัง?

ถามลูกค้า
หลายครั้งที่กลยุทธ์การตลาดอันหวือหวาที่ปล่อยสู่กลุ่มเป้าหมายกลายเป็นผลลัพธ์ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะมาจากการระดมหัว “คิดวิเคราะห์กันเอง” ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญในวงการ น่าเสียดาย แม้คนเหล่านี้จะเป็นคนเก่ง…แต่ไม่ใช่ “ลูกค้า” ที่เป็นผู้ใช้งานสินค้าบริการนั้นจริงๆ

หวังว่า 4 เรื่องรานี้จะช่วยให้ทุกคนฉุกคิดไดว่าสุดท้ายแล้ว การเจาะลึกหา “ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า” คือสิ่งที่คุณต้อเริ่มจากการ “ถามลูกค้า”

1. ลงทุนระยะยาว ด้วยการแต่งหน้าไปโรงเรียน

คุณรวิศ CEO ศรีจันทร์เคยสารภาพว่า สมัยก่อนตอนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวหนึ่งที่เจาะกลุ่มเครื่องสำอางวัยรุ่น เค้าไม่เคยเข้าใจมาก่อนจริงๆ ว่า “ทำไมเด็กมัธยมผู้หญิงต้องแต่งหน้าไปโรงเรียน”

ตอนแรกเขาและทีม Marketing วิเคราะห์คร่าวๆ ว่า ก็น่าจะเป็นประสาวัยรุ่น เข้าวัยสาวก็อยากแต่งหน้า / เซลฟีในห้องเรียนลงโซเชียลทุกวัน / หรือบางทีเลิกเรียนแล้วอาจไปเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ ต่อ

แต่เมื่อไปสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายตัวจริงเสียงจริง คำตอบที่ได้ทำเขาและทีมงานอึ้งไปตามๆ กัน น้องๆ บอกว่า “มันเป็นการลงทุนระยะยาวค่ะพี่” พวกเธอเซลฟีในห้องเรียนลง Facebook เป็นประจำ ในอนาคตเมื่อโตขึ้นเข้ามหาวิทยาลัยและมีผู้ชายมาจีบ หนุ่มคนนั้นก็ต้องหาทาง “สืบ” ไล่ดูวิวัฒนาการหน้าตาน้องผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าหนุ่มคนนั้นเจอ “ภาพเก่า” สมัยก่อนในสภาพหน้าสดดูไม่ได้ (สภาพก่อนดูแลตัวเอง) ก็อาจสร้างความไม่ประทับใจจนเค้าเลิกจีบไปเลยก็ได้

คุณรวิศบอกว่า แม้คำตอบที่ได้อาจฟังดูเว่อร์ไปเสียหน่อย…แต่เป็นคำตอบที่ทีม Marketing “ไม่มีวันนึกถึง” แน่นอนถ้ามัวแต่นั่งอยู่ในห้องประชุม

(ที่น่าสนใจคือ คำตอบจากคนอื่นที่ให้สัมภาษณ์…หลายคนก็มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน!)

เหตุการณ์ในครั้งนี้ คอยเตือนสติเขาให้ระลึกอยู่เสมอว่า หน้าที่หลักของทีม Marketing คือการ “เดิน”…เดินออกไปคุยกับลูกค้านั่นเอง

2. Eurostar เสิร์ฟแชมเปญตลอดทาง 

หลายสิบปีที่แล้ว Eurostar หรือรถไฟความเร็วสูงที่ให้บริการจากลอนดอน-ปารีส จะใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ต่อมาผู้บริหารของ Eurostar ออกมาทำการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า 

ปรากฎว่าผลตอบรับส่วนใหญ่เป็นด้านลบ คนด่าเละ! ช้าบ้าง บริการห่วย ต่างๆ นานา

ผู้บริหารเลยเรียกประชุมใหญ่ด้วยโจทย์ว่า How do we make a trip to Paris better? จะทำให้การเดินทางไปปารีสของเราดีขึ้นได้อย่างไร

หลายคนในที่ประชุมตะโกนว่า “ก็ทำให้มันเร็วขึ้นสิ” นี่คือรถไฟความเร็วสูง ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่มีอะไรต้องคิดซับซ้อน 

นี่เป็นไอเดียตรงไปตรงมาที่ฟังดูเข้าท่า เหล่าผู้บริหารจึงลงความเห็นให้ “เพิ่มความเร็ว” ลงทุนเปลี่ยนรางขนานใหญ่สูญเงินไป 6,000 ล้านปอนด์ รถไฟเร็วขึ้น 40 นาที จาก 3 ชั่วโมงครึ่ง เหลือแค่ 2 ชั่วโมง 50 นาที

กาลเวลาผ่านไป เมื่อผู้คนเคยชินกับความเร็วใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว ผู้บริหารก็ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจใหม่…ปรากฎว่าโดนด่าเหมือนเดิม! ด้วยเหตุผลเดิม! ผู้บริหารหงุดหงิดมาก อะไรกัน อุตส่าห์ทำให้เร็วขึ้นแล้ว ทำไมยังไม่พอใจอีก

นักการตลาดชั้นนำคนหนึ่งของอังกฤษ ได้ยินเรื่องราวนี้เข้าจึงเสนอไอเดียว่า ถ้าเป็นตัวเค้า จะเอาเงินไปจ้างนายแบบ-นางแบบชั้นนำของโลกให้มานั่ง พร้อมกับ “เสิร์ฟแชมเปญ” ที่ดีที่สุด…ฟรีตลอดทริป!! ซึ่งคำนวณแล้วคาดว่าใช้เงินเพียง 2,000 ล้านปอนด์เท่านั้น ถูกกว่า 3 เท่า ที่สำคัญ ผู้โดยสารจะขอให้รถไฟ…วิ่งช้าลง!

ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้โดยสารไม่ได้ต้องการถึงจุดหมายเร็วขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็น “ประสบการณ์ระหว่างทาง” ต่างหากที่สำคัญกว่า เคยไหม? บางครั้งเราก็ไม่อยากรีบเร่ง แค่อยากเอนจอยระหว่างทางไปเรื่อยๆ อย่างรื่นรมย์

ปัจจุบัน Eurostar มีเสิร์ฟแชมเปญฟรีบนขบวนแล้ว(ในบางชั้นที่นั่ง) และความเร็วของรถไฟก็ไม่เป็นประเด็นที่ผู้โดยสารบ่นกันอีกต่อไป

3. แค่ติดกระจกหน้าลิฟต์…คนก็รู้สึกว่าลิฟต์มาเร็วขึ้น 

Pain Point หนึ่งของคนที่ทำงานในตึกออฟฟิศเก่าคือ “ลิฟต์ช้า” โดยเฉพาะเวลาพักเที่ยง รอลิฟต์นานมาก เสียเวลาสุดๆ (แถมในลิฟต์ก็ร้อน!) ครั้นจะเดินขึ้นลงก็ไม่ไหว เพราะทำงานชั้น 30

ทีมวิศวกรจึงได้รับโจทย์ว่าจะแก้ปัญหาลิฟต์ช้าได้อย่างไร? ความเห็นส่วนใหญ่เกิดขึ้นแทบจะทันที “ก็แค่เปลี่ยนลิฟต์เป็นรุ่นใหม่สิ แค่นี้ก็เร็วขึ้นแล้ว”

นี่เป็นคำตอบที่ถูกต้องในทางวิศวกรรม แต่ไม่เป็นมิตรกับทางการเงิน เพราะการเปลี่ยนลิฟต์ยกชุดมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

แต่ก่อนจะได้เสียเงินเปลี่ยนลิฟต์ มีอยู่คนหนึ่งเสนอไอเดียให้ลอง “ติดกระจกบริเวณหน้าลิฟต์” ตรงที่ผู้คนยืนรอ ให้ผู้โดยสารสามารถมองกระจกส่องเห็นหน้าตัวเองได้

เพราะใช้งบน้อยกว่าแบบเทียบไม่ติด จึงได้เริ่มต้นทดลองติดกระจกทันที พอ 3 เดือนผ่านไป มีการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้งานเกิดขึ้น เรื่องเซอร์ไพรส์คือ ผู้คนกลับบอกว่า “ลิฟต์เร็วขึ้น” ทั้งๆ ที่ลิฟต์เหมือนเดิมทุกอย่าง!

เพราะมนุษย์เราชอบมองหน้าตัวเองที่สุด (โดยเฉพาะสุภาพสตรี) เวลาเห็นตัวเองในกระจก เราจะเริ่มจับหน้าทำผม จัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มองสีหน้าตัวเองต่างๆ นานา ช่วงนี้ “เวลาจะเหมือนผ่านไปเร็วกว่าปกติ” ประมาณว่าคนได้มีอะไรทำเล่นระหว่างรอลิฟต์

การไม่ซัก ถามลูกค้า ให้ลึกถึงข้างในจริงๆ บางครั้งเราอาจเสียเงินให้กับการเปลี่ยนลิฟต์ทั้งหมด แทนที่จะเสียเงินให้กับ…กระจก

4. กระทะดำ Bar B Q Plaza

การไม่ ถามลูกค้า อาจนำมาซึ่ง “หายนะ” ถึงขนาดสั่นสะเทือนอัตลักษณ์แบรนด์ที่อุตส่าห์สร้างมาหลายสิบปีให้พังคลืนลงในชั่วพริบตา (แม้เราจะหวังดี!)

ปี 2016 Bar B Q Plaza ตัวจริงเรื่องปิ้งย่างทุ่มงบประมาณ 110 ล้านบาท เพื่อออก “กระทำดำ” (Black Pan) กระทะปิ้งย่างดีไซน์โฉมใหม่ ที่ดูโมเดิร์นขึ้น-พรีเมียมขึ้น

ทางแบรนด์ใช้งบโปรโมทประชาสัมพันธ์ออกสื่อขนานใหญ่ ชูจุดขายนวัตกรรมที่เหนือกว่า ภาพลักษณ์ที่ดีกว่า พร้อมค่อยๆ ทยอยเปลี่ยนตามสาขาทั่วประเทศ

แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้ามกับที่คิด! ลูกค้าไม่ปลื้มอย่างหนักและเรียกร้องให้ Bar B Q Plaza นำกระทะทองเหลือง(ที่มีภาพลักษณ์ดั้งเดิม) กลับคืนมา!

  • “ถ้าไม่ใช่กระทะทองเหลือง ก็เหมือนไม่ได้กิน Bar B Q Plaza”
  • “ไปลองกระทะดำมาแล้ว ก็ดีนะ…แต่ใยใจคิดถึงแต่กระทะทองเหลือง”
  • “ผูกพันกับกระทะทองเหลืองมาหลายปี บริษัทไม่น่าทำแบบนี้เลย”

นอกจากนี้ยังเจอปัญหาถาโถม เช่น “น้ำดำ” จากคราบกระดะทำในบางสาขา หรือช่องตักน้ำซุปที่แคบไม่ถูกใจใครหลายคน 

แถมแบรนด์คู่แข่ง (เช่น Sukishi) ฉวยโอกาสจิกกัดทำนองว่า “กระทะของเราช่องตักน้ำซุปใหญ่ แม้แต่ลูกชิ้นก็ใช้ช้อนตักได้”

ทั้งหมดนี้ยิ่งสร้างความเสียหายแก่ Bar B Q Plaza เข้าไปใหญ่

สุดท้าย Bar B Q Plaza จึงต้องยุติแผนขยายอาณาจักร Black Pan ออกไป

ถ้า Bar B Q Plaza ทำผลสำรวจผู้บริโภคครอบคลุมกว่านี้ ถามลูกค้า ให้ลึกซึ้งมากกว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิด…กลายเป็นบทเรียนอันล้ำค่าให้กับแบรนด์

.

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ…คุณพร้อมมีความสุขกับการทำงานในทุกๆ วันแล้วหรือยัง? >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? ลองเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/


อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

TKI Framework
รู้ก่อน จัดการได้! สำรวจ 5 วิธีตอบสนองต่อความขัดแย้งในทีมด้วย TKI Framework
เพราะคนแต่ละคนมี “สไตล์” ในการจัดการความขัดแย้งต่างกัน การเข้าใจสไตล์เหล่านี้ช่วยให้เรา คุยกันรู้เรื่อง ไม่ขัดกันลึก และ สร้างทีมเวิร์คที่แข็งแรงขึ้น TKI...
The First 20 Hours
"เคล็ดลับเก่งเร็วใน 20 ชั่วโมงแรกของการเรียน" สรุปแนวคิดจาก Josh Kaufman ผู้เขียน The First 20 Hours
สรุปแนวคิดจาก Josh Kaufman ผู้เขียน The First 20 Hours เกี่ยวกับวิธีเรียนรู้ทักษะใหม่ให้ได้ผลในเวลาเพียง 20 ชั่วโมงแรก โดยเน้นกลยุทธ์ที่เป็นระบบและปฏิบัติได้จริง...
Way of Working 2025
Way of Working 2025: องค์กรต้องเปลี่ยนอย่างไรให้คนอยากอยู่
ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของคนทำงานก็เปลี่ยนตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ปี 2025 ที่แรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี...