การเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดแรงงานในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว จากงานวิจัยของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมกับ Future Lab พบว่า ภายในปี 2573 อาชีพของคนไทยกว่า 17 ล้านคนอาจหายไปหรือถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติและ AI โดยเฉพาะในสายงานบริการ เกษตรกรรม และแรงงานทักษะต่ำ ในขณะเดียวกัน AI ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับผู้ที่สามารถปรับตัวและพัฒนาทักษะด้านนี้ได้ โดยผลสำรวจจาก Microsoft และ LinkedIn ระบุว่า 91% ของผู้บริหารในไทยเชื่อว่าบริษัทจำเป็นต้องนำนวัตกรรม AI มาใช้เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และกว่า 74% ไม่ต้องการจ้างพนักงานที่ไม่มีทักษะด้าน AI การเตรียมความพร้อมด้านทักษะ AI จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้แรงงานไทยสามารถอยู่รอดและเติบโตในยุคดิจิทัลนี้ได้
AI คืออะไร?
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) คือ เทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรสามารถเลียนแบบความสามารถของมนุษย์ในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือเรียนรู้ได้ เช่น การเข้าใจภาษา การจดจำภาพ การแก้ปัญหา หรือแม้แต่การสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ซึ่งในปัจจุบันการทำงานของ AI มีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วมากกว่ามนุษย์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่มนุษย์ทำได้แต่ AI ยังทำไม่ได้หรือยังทำได้ไม่ดีเท่า เช่น ความเข้าใจเชิงลึกทางอารมณ์และเจตนา การตัดสินใจเชิงจริยธรรมและศีลธรรม และการปรับตัวแบบไม่มีข้อมูลล่วงหน้า เป็นต้น จะเห็นได้ว่า AI เป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยมนุษย์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาด และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลในเวลารวดเร็ว แต่ยังคงต้องอาศัยมนุษย์ในการควบคุม ดูแล และตัดสินใจในด้านที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ คุณธรรม และความคิดสร้างสรรค์
AI เข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร?
การเข้ามาของ AI ในประเทศไทยมีจุดเริ่มต้นที่ไม่แน่ชัดแต่หนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด คือ AI Thailand แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) ซึ่งเป็นโครงการปัญญาประดิษฐ์ระดับประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทยให้บรรลุผลและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ รวมถึงการพัฒนาทักษะของบุคลากรภายในประเทศ ตลอดจนมุ่งสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่
- การเตรียมความพร้อมของประเทศในด้านสังคม จริยธรรม กฎหมาย และกฎระเบียบสำหรับการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- การเพิ่มศักยภาพบุคลากรและการพัฒนาการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์
- การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
- การส่งเสริมให้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและ ระบบปัญญาประดิษฐ์ในภาครัฐและภาคเอกชน
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ได้รับความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศอีกมากมายที่ช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้บุคลากรชาวไทยมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยี AI โดยมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และเสริมสร้างทักษะของประชาชนเพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน
ผลกระทบของ AI ต่อแรงงานในประเทศไทย
การเข้ามาของเทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบต่อแรงงานในประเทศไทยทั้งเชิงบวกและลบ โดยในด้านบวก AI จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความผิดพลาด และสร้างอาชีพใหม่ที่ต้องการทักษะด้านเทคโนโลยี เช่น นักวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้พัฒนา AI ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อแรงงานทักษะต่ำหรืองานซ้ำซากที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกแทนที่ เช่น พนักงานโรงงาน คอลเซ็นเตอร์ และงานบริการ ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางทักษะและความไม่มั่นคงในตลาดแรงงาน แต่ในทางกลับกันงานที่ต้องใช้ “ความคิดสร้างสรรค์” หรือ “การตัดสินใจที่ซับซ้อน” ยังมีความต้องการสูง ดังนั้นภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องร่วมมือกันในการพัฒนาแรงงานด้วยการฝึกอบรมทักษะใหม่ (reskill/upskill) เพื่อให้แรงงานสามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลนี้
การเปลี่ยนแปลงของทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ
การเปลี่ยนแปลงของทักษะที่ตลาดแรงงานไทยต้องการในยุค AI และดิจิทัล กำลังเคลื่อนจากทักษะที่ใช้แรงงานซ้ำ ๆ หรือเน้นการปฏิบัติ มาสู่ทักษะที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ การใช้เทคโนโลยี และความสามารถในการปรับตัว โดยทักษะสำคัญที่ตลาดแรงงานไทยเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น ได้แก่
- ทักษะดิจิทัล (Digital Skills) เช่น การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล, ระบบอัตโนมัติ, โปรแกรมพื้นฐานทางไอที, ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI, Cloud, และ Cybersecurity
- ทักษะด้านเทคโนโลยีและการเขียนโปรแกรม (Tech Skills) เช่น Coding, Data Science, Machine Learning, การทำงานกับระบบ ERP หรือซอฟต์แวร์ธุรกิจ
- ทักษะคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (Analytical & Problem-solving) การคิดเชิงระบบ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจ และการแก้ปัญหาซับซ้อนในสถานการณ์จริง
- ทักษะสื่อสารและทำงานร่วมกัน (Communication & Collaboration) การสื่อสารข้ามแผนก การทำงานในทีมที่หลากหลาย และการใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ เช่น Zoom, Slack
- ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning & Adaptability) ความสามารถในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตลาด
AI กับการสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย
AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในหลายภาคส่วนช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาในหลากหลายอุตสาหกรรม การใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน และปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ เช่น ในภาคการแพทย์ AI ช่วยในการวินิจฉัยโรคและการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น ขณะที่ในธุรกิจการเงิน AI ช่วยในการตรวจสอบธุรกรรม และการให้บริการลูกค้าผ่านระบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ AI ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสตาร์ทอัพใหม่ ๆ และกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ประเทศไทยสามารถดึงดูดทุนจากต่างชาติและสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI การนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ Big Data ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น ขณะที่การใช้เทคโนโลยี AI ในภาคการผลิตยังช่วยให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าจากการปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในอนาคตการพัฒนา AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจทั้งในภาคธุรกิจ การสร้างงานใหม่ในสาขาเทคโนโลยี และการกระตุ้นการพัฒนาในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
อ้างอิง