7 เทรนด์ที่ทำงานน่าติดตาม ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตการทำงานปี 2025

เทรนด์ที่ทำงาน

ในปีที่ผ่านมา มีหลากหลาย “เทรนด์การทำงาน” และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของพนักงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบทบาทของ AI ในระบบการทำงานขององค์กร หรือแนวโน้มด้านการบริหารและดูแลพนักงานที่ได้รับความสำคัญมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กำหนดแนวทางการทำงานใหม่ ๆ ให้กับพนักงานและองค์กร

ในปี 2024 เราได้เห็นแนวโน้มสำคัญ เช่น การพัฒนาความเป็นผู้นำ การเสริมสร้างความไว้วางใจในองค์กร และการดูแลสุขภาพจิตพนักงาน ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อไปถึงปี 2025 พร้อมกับเทรนด์การทำงานใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานอีกมากมาย มาดูกันว่าเทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2025 มีอะไรบ้าง

1. ปัญหาพนักงานมีส่วนร่วมน้อยลง ส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานทั่วโลก

ปัญหาความไม่อินในที่ทำงานหรือการขาดแรงจูงใจในการทำงาน ทำให้เกิดกระแส “Great Resignation” หรือการลาออกครั้งใหญ่ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องจนถึงปี 2025 พนักงานมีแนวโน้มเลือกองค์กรที่ให้ความมั่นคงและโอกาสเติบโตมากขึ้น จากการสำรวจของ Gallup พบว่า มีเพียง 18% ของพนักงานที่ “พึงพอใจอย่างมาก” กับงานของตนเอง ซึ่งหมายความว่าองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนพนักงานให้มีความสุขและมีส่วนร่วมมากขึ้น

2. การพัฒนาทักษะเพื่อรองรับ AI กลายเป็นเรื่องเร่งด่วน

ช่องว่างของทักษะดิจิทัลและ AI กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับองค์กรทั่วโลก หลายบริษัทเริ่มเพิ่มการอบรมและพัฒนาทักษะ AI ให้กับพนักงาน รวมถึงการจ้างงานบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

3. AI กำหนดเส้นทางอาชีพและบทบาทของหัวหน้างานมากขึ้น

องค์กรเริ่มใช้ AI ในการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างองค์กร การบริหารจัดการงาน และการพัฒนาอาชีพของพนักงาน การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้บางบริษัทลดจำนวนพนักงานในระดับบริหารลง และปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความแบนราบมากขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้เส้นทางอาชีพของพนักงานเปลี่ยนไป โดยต้องพัฒนาทักษะใหม่เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ AI

4. ความผันผวนของปัจจัยภายนอก คัดกรองบริษัทที่แข็งแกร่ง

ปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และวิกฤตสภาพอากาศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อองค์กร บริษัทที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีแผนกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นจะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ ในขณะที่องค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวได้อาจเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขัน

5. เสถียรภาพทางการเงินมีความสำคัญมากขึ้นในยุคเศรษฐกิจไม่แน่นอน

ในปี 2025 องค์กรจะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อแนวทางการบริหารทรัพยากร เช่น การปรับโครงสร้างงบประมาณ การลดต้นทุน และการให้สวัสดิการพนักงานในรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น

6. การให้ความสำคัญกับพนักงานที่สร้างผลงานเด่นชัด

องค์กรจะเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงานมากขึ้น โดยพนักงานที่สามารถสร้างผลลัพธ์หรือมี Impact ต่อองค์กรจะได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน องค์กรอาจเข้มงวดในการคัดเลือกพนักงานมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการจ้างงานที่คุ้มค่า

7. องค์กรมุ่งสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความยั่งยืน

แนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรหลายแห่ง การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กร และช่วยดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการทำงาน


สรุป

ปี 2025 เป็นปีที่การทำงานจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ “เทรนด์การทำงาน” สำคัญอย่าง AI ความมั่นคงทางการเงิน การพัฒนาทักษะ และความยั่งยืน จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อพนักงานและองค์กร การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้ทั้งพนักงานและองค์กรสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้

อ้างอิง: Great Place to Work

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

10 ทักษะ
10 ทักษะสุดล้ำ พัฒนาไว้เพื่อก้าวสู่อนาคตการทำงานในปี 2025
เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานในปี 2025 โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกพัฒนาและนำมาใช้ในทุกสายงาน ทำให้ทักษะที่เคยสำคัญอาจล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว...
เทรนด์ที่ทำงาน
7 เทรนด์ที่ทำงานน่าติดตาม ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตการทำงานปี 2025
ในปีที่ผ่านมา มีหลากหลาย “เทรนด์การทำงาน” และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของพนักงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบทบาทของ AI ในระบบการทำงานขององค์กร...
OKR
ขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการตั้ง OKR
ไม่ว่าจะองค์กรไหนก็ตาม ย่อมต้องมีการตั้งเป้าหมายและติดตามผลงานของพนักงาน ซึ่งแต่ละองค์กรก็มีรูปแบบการตั้งเป้าหมายที่แตกต่างกัน มี Template การใช้ที่ไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่าองค์กรนั้นเหมาะกับการตั้งเป้าหมายแบบไหน...