Constructive Feedback ฟีดแบคยังไงให้ลูกทีมรัก ?

Constructive Feedback
Constructive Feedback คือการให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ โดยเน้นการปรับปรุงและพัฒนา แทนที่จะเป็นการวิจารณ์เชิงลบ โดยควรชี้จุดที่ต้องปรับปรุงพร้อมแนวทางแก้ไข เพื่อช่วยให้ผู้รับข้อเสนอแนะพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำงานแบบนี้พกสมองมาด้วยรึเปล่า?
  • ทำงานห่วยขนาดนี้ ไม่ต้องจบปริญญาตรีก็ได้มั้ง!
  • พี่ไม่เสียเวลาสอนงานเธอหรอก เพราะเธอโง่เกินกว่าจะเรียนรู้ได้

เราทุกคนน่าจะเคยได้รับฟีดแบค (Feedback) แบบนี้มาไม่มากก็น้อย ทั้งโดนด้วยตัวเอง / เห็นคนอื่นโดน / แม้แต่ตัวเราเองที่เผลอทำกับคนอื่น

การฟีดแบคแบบนี้นอกจากจะไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำลายความสัมพันธ์ “ซื้อใจ” เพื่อนร่วมงานไม่ได้ด้วย (เหมือนเรียกไปด่าซะมากกว่า) ผลสำรวจจาก Gallup พบว่า มีพนักงานเพียง 26% เท่านั้นที่รู้สึกว่า ฟีดแบคจากหัวหน้าช่วยพัฒนาตัวเค้าขึ้นได้จริงๆ

ในการทำงานเราใช้จิตวิทยาไม่น้อย การฟีดแบคก็เช่นกัน ข่าวดีคือ มีสิ่งที่เรียกว่า “Constructive Feedback” ให้ฟีดแบคด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม แถมยังรักษาความสัมพันธ์อันดีกันได้ด้วย

1. เปิดด้วยเรื่องดี 

Constructive Feedback

มนุษย์จู่ๆ ไม่ชอบให้ใครมาวิจารณ์หรอก แต่มนุษย์ชอบได้รับการชมเชย-ชอบเป็นที่รักของคนอื่น นี่เป็น “กลไกธรรมชาติ” ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน

เราจึงต้องเริ่มต้นด้วย “ข้อดี-จุดแข็ง” เสียก่อน เพื่อให้อีกฝ่ายเปิดใจรับฟัง

  • พี่ชอบ Font ที่เราเลือกใช้ใน Artwork นี้มาก ดูภูมิฐานและหรูหรา
  • บทความนี้ใช้คำพูดได้สละสลวย ดูมีวาทศิลป์ในการเขียน
  • ประชุมเมื่อวาน พูดได้ชัดถ้อยชัดคำดีนะ เยี่ยมมาก

ผลการสำรวจของ Gallup ยังพบว่า 67% ของผู้รับ feedback โดยโฟกัสที่ข้อดี-จุดแข็งก่อนจะ เปิดใจฟัง 🡺 คล้อยตาม 🡺 ยอมรับผิด 🡺 และให้ความร่วมมือไปสู่การพัฒนาให้ดีขึ้นในที่สุด

2. พูดถึง “ความคิด” ของเขา ไม่ใช่ “ตัวเขา” 

Constructive Feedback

ก่อนจะให้ฟีดแบคลงลึกรายละเอียด ต้องย้ำอีกฝ่ายว่า เราให้ feedback กับผลลัพธ์ “พฤติกรรม” ของเค้า…ไม่ใช่ “ตัวตน” ของเค้า 

“ตัวตนเขาดี แต่แค่ ไอเดียเขาไม่ดี”…เรื่องนี้ต้องแยกให้ออกชัดเจน

ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ “เรื่องส่วนตัว” ระหว่างกัน…แต่เป็นเรื่องงาน

เรายังสามารถพลิกแพลงคำพูดได้เช่นกัน

  • แทนที่จะพูด “ไอเดียของคุณไม่เวิร์ค” เปลี่ยนเป็น 🡺 “ไอเดียนี้ยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้”
  • แทนที่จะพูด “คุณขาดความรับผิดชอบ (เพราะมาสาย)” เปลี่ยนเป็น 🡺 “งานจะออกมาดีขึ้นถ้าคุณมาตรงเวลา”

Judy Nelson นักโค้ชและที่ปรึกษามืออาชีพ ยังแนะนำว่าให้เริ่มประโยคด้วยคำว่า “ฉัน” แทน “คุณ” จะช่วยลดน้ำหนักความรุนแรงได้ เช่น

  • จาก “คุณมาสาย” ให้เปลี่ยนเป็น 🡺 “ฉันรู้สึกถูกเอาเปรียบ เมื่อคุณมาสาย”
  • จาก “คุณส่งงานช้า” ให้เปลี่ยนเป็น 🡺 “ฉันรู้สึกตัวเองเป็นหัวหน้าที่ไม่เอาไหน เมื่อคุณส่งงานช้า”

3. ดี 🡺 วิธีพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น / ไม่ดี 🡺 วิธีแก้ไขปรับปรุง 

หัวหน้าที่มีความเป็นมืออาชีพจะไม่บอกแค่ว่าดี-ไม่ดีอย่างไร แต่จะเสริมว่า 

  • ดี 🡺 แล้วทำยังไงให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้บ้าง? 
  • ไม่ดี 🡺 ปรับปรุงแก้ไขยังไงได้บ้าง? 

เช่น

  • “บทความนี้อธิบายให้เข้าใจได้ง่าย…แต่พี่ว่าถ้าจะให้เห็นภาพชัดกว่านี้ ลองเพิ่มข้อมูลตัวเลขไปด้วยสิ และจะทำให้บทความดูน่าเชื่อถือกว่าเดิมด้วยนะ”
  • Artwork นี้สีสันฉูดฉาดแต่อาจจะทำให้สิ่งที่เราต้องการสื่อสารไม่เด่น…เปลี่ยนเป็นใช้แค่ 3 โทนสี และหนึ่งในนั้นเป็นสีใน Corporate Identity เพื่อให้คนจดจำแบรนด์เราได้ดีกว่ามั้ย

ถ้าให้ดี วาดออกมาเป็นแผนผังตารางให้เห็นภาพจะดีมาก

4. คนรับฟีดแบคก็เหมือนลูกค้า

ก่อนจะขายของลูกค้า เราต้องวิเคราะห์ลูกค้ากันละเอียดยิบ: Pain Point คืออะไร / เพศ อายุ กำลังซื้อ / ช่องทางติดต่อ

การฟีดแบคลูกทีมก็เช่นกัน เราต้องวิเคราะห์ให้ดีก่อนว่าเค้าเป็นคนอย่างไร Introvert-Extrovert / นุ่มนวล-แข็งกระด้าง / สุภาพนอบน้อม-ตรงไปตรงมา 

จากนั้นจึงค่อย ‘ปรับแต่ง’ การเลือกใช้คำพูด น้ำเสียง ลีลาท่าทาง ให้ถูกจริตคนนั้นเพื่อเกิด Impact มากที่สุด

และเมื่อพูดถึงลูกค้า เราก็ต้องไม่ลืม “รับฟัง” อีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

บางทีเหตุผลที่เราพึ่งรู้จากปากของอีกฝ่าย อาจมอบมุมมองใหม่ให้เราก็เป็นได้ 

เช่น เราเห็นว่าลูกทีมคนนี้มาสายบ่อยๆ การฟีดแบคเลยจะโฟกัสที่ความตรงต่อเวลา แต่พอรับฟังจึงรู้ว่า เค้าประสบกับความยากลำบากในการเดินทางมาทำงานเพราะแถวบ้านกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้ากันยกใหญ่อยู่ หลีกเลี่ยงได้ยากมากๆ เมื่อรู้อย่างนี้เราอาจพิจารณา Work From Home ให้พนักงานคนนี้เป็นบางวันแทน 

5. Analogy เปรียบเทียบ 

Constructive Feedback

การ feedback ก็เหมือนการให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง อีกฝ่ายจะจดจำได้ขึ้นใจก็ต่อเมื่อมันน่าสนใจหรือมีเอกลักษณ์แตกต่าง เมื่อเค้าจำได้ขึ้นใจ ก็มีแนวโน้มนำไปพัฒนาปรับปรุง

เช่น ผู้รับฟีดแบคเป็นเซลล์มือทองของบริษัทที่ช่วงหลังดูไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจและยอดขายเริ่มตกลง คุณจึงเปรียบเทียบเพื่อต้องการให้เค้ามีไฟกลับมาว่า 

  • บริษัทของเราก็เหมือน ทีมฟุตบอล
  • และตำแหน่งคุณคือ กองหน้า
  • พวกเราและคนอื่นคือ กองหลัง คอยสนับสนุนคุณอยู่
  • การป้องกันอย่างดีไม่ทำให้เราแพ้…แต่ก็ไม่ทำให้เราชนะเช่นกัน
  • เป็นหน้าที่ของกองหน้า ที่ต้องยิงประตูเพื่อเอาชัยชนะนะ!

ข้อนี้อาจยากหน่อย ต้องอาศัย Creativity…แต่ถ้าทำได้ เชื่อเลยว่าผู้รับฟีดแบคจะจำขึ้นใจไปอีกนาน!

.

.

Constructive Feedback เป็นทักษะจำเป็นที่หัวหน้า-ผู้นำองค์กรต้องมีไปแล้ว มันคือการสร้าง “สะพาน” ที่พาผู้คนสู่จุดที่สูงขึ้น และเพราะคนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของบริษัท ถ้ารู้วิธีพัฒนาคนก็สามารถพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้นั่นเอง

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa ได้เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ และหลงรักไปกับมันในทุกๆ วัน! >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

openai
ข่าวดี! OpenAI Academy เปิดให้เรียนรู้ AI ฟรีแล้ววันนี้!
CareerVisa ขอแนะนำแพลตฟอร์มใหม่จาก OpenAI ที่เปิดโอกาสให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู ผู้ประกอบการ หรือผู้ที่สนใจทั่วไปก็สามารถเรียนรู้และใช้งาน AI ได้อย่างมั่นใจ...
discipline
ฝึกตัวเองให้มีวินัยขั้นสุดยอด อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ได้ด้วยสิ่งนี้ โดย Andrew Huberman
สำหรับใครที่รู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ไม่มีวินัยเอาซะเลย วันนี้ CareerVisa จะมาเล่าให้ฟังแบบบ้านๆ เรื่องอยากมีวินัย (discipline) ให้ฟังว่าทำยังไงถึงจะฝึกวินัยได้แบบเป็นวิทยาศาสตร์...
Kelly McGonigal
"เครียดยังไงให้กลายเป็นพลังบวก" สรุปแนวคิดจาก Kelly McGonigal นักจิตวิทยาด้านสุขภาพและผู้เขียนหนังสือ "The Upside of Stress"
วิธีคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนมุมมองต่อความเครียดเพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตัวเอง 1. มองความเครียดเป็นพลัง ความเครียดไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว การเชื่อว่าความเครียดช่วยเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมรับมือความท้าทาย...