เพียงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหลากหลายสิ่งเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการทำงานแทบจะทุกสายงาน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างบนโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ หรือการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนร่วมกับการทำงานของมนุษย์เป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว Generative AI หรือ AI Tool ที่เข้ามามีส่วนช่วยในการ Work Operation ในหลายสายงาน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก หรือเทรนด์สำคัญอย่างเทรนด์ Work From Home & Hybrid Working การทำงานทำงานจากที่บ้าน หรือการทำงานที่ไหนก็ได้ เพราะสถานการณ์บีบบังคับทำให้เราเจอกันได้น้อยลง ต้องเว้นระยะห่าง หลายสถานที่ทำงานทั่วโลกจึงเปลี่ยนกฎการทำงานอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตามในปี 2023 ย่างเข้า 2024 นี้ สถานการณ์เริ่มกลับมาสู่สถานการณ์ปกติ ผู้คนเริ่มถอดแมสและใช้ชีวิตพบหน้าคร่าตากันได้โดยไม่ต้องกังวลเท่าเดิม มาดูกันว่า เทรนด์ของ Workplace จะเป็นอย่างไร และมีอะไรที่เราควรรู้ก่อนเข้าปี 2024
5 Key Workplace Trends ที่ควรรู้เอาไว้ก่อนเข้าปี 2024
สรุปจาก Forbes
กลับมาเข้าออฟฟิศบ่อยขึ้น
KPMG CEO Outlook Survey กล่าวว่า ภายในปี 2026 หัวหน้างานมากกว่า 64% ทั่วโลก จะปรับให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนปกติมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าเศร้าในเวลาเดียวกับสำหรับพนักงานหลาย ๆ คน บางบริษัทเริ่มกลับมาเข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์เนื่องจากสถานการณ์กลับมาสู่สภาวะปกติ ซึ่งสิ่งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้พนักงานหลายคน ต้องปรับตัว ให้สามารถกลับมาเข้าออฟฟิศและทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนอย่างเดิมหรือมากกว่าเดิม
เปิดเผยเรื่องเงินเดือนต่อกันมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่พนักงานหลายคนรูดซิปปากไม่กล้าบอกเงินเดือนกันเองเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นความลับ หรือ Confidential Personal Data ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีหลายคนที่มีความเชื่อแบบนี้อยู่ เพราะการบอกเงินเดือนอาจจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างบุคคลตามมาได้ อย่างไรก็ตาม ก็มีคนหลากหลายกลุ่มที่เริ่มเปิดเผยฐานเงินเดือน หรือมีการกำหนดเงินเดือนใน Job Description กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นการโปร่งใสและแสดงถึงความเท่าเทียมกันใน Job Level รวมถึงเรื่องเงินเดือน ยังเป็นเรื่องที่สามารถนำมาปรึกษา หรือ Discuss เพื่อปรับให้เหมาะสมกันได้อีกด้วย
ซัพพอร์ต Mental Health และ Well-being กันมากขึ้น
เพื่อป้องกันการ Burnout ในการทำงาน การรักษาสภาพจิตใจของพนักงาน และความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับสวัสดิการที่น่าพึงพอใจ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้น ทั้งในมุมของบริษัทผู้ว่าจ้างและผู้ถูกจ้างก็นำเอาปัจจัยด้านนี้มาเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกงานที่จะทำมากขึ้นอีกด้วย จาก Aflac WorkForces Report ครั้งที่ 13 มากกว่า 57% ของคนทำงานชาว US กล่าวว่าการ Burnout ส่วนใหญ่ เกิดจากการถูก Treat ในสถานที่ทำงาน หรือความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสมและไม่แฟร์ในที่ทำงาน
Generative AI ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
AI เริ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการทำงานของพนักงานในหลากหลายสายงานและอุตสาหกรรม ไม่ว่าจำเป็นตำแหน่งหน้าที่ไหน หรือรูปแบบการทำงานแบบไหน ล้วนมี AI เป็นที่พึ่ง และเป็นที่ช่วยทุ่นแรงในการทำงาน อีกทั้งยังทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย หลายบริษัทลงทุนในการทำการทดลองเกี่ยวกับ Generative AI และคิดค้น AI Tool ที่ช่วยเหลือในการทำงานด้านต่าง ๆ คาดว่าในปี 2024 จะมีอีกหลาย AI Tool ถูกคิดค้นออกมาให้พนักงานได้ใช้กันอีกมากขึ้นอย่างแน่นอน
ความรับผิดชอบต่อสังคมและโลกของเรา
พนักงานหลายคนเปลี่ยน Mindset ในการทำงานให้ดีต่อโลกมากยิ่งขึ้น สิ่งแวดล้อมรอบตัวเริ่มแย่ลงในทุก ๆ วันและทุกคนสามารถรับรู้ได้ หลากหลายบริษัทจึงเริ่มออกมารณรงค์เรื่องการรักษ์โลก และหาวิธีช่วยประหยัดพลังงานกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปี 2024 คาดว่าจะมีพนักงานที่ให้ความสำคัญกับบริษัทที่มี Mission ที่จะรักษาพลังงานมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง: https://www.forbes.com/sites/drsamanthamadhosingh/2023/12/08/key-workplace-trends-you-need-to-know-for-2024/?sh=3154fc281427