ทำงาน 12 ชม. ยังไงให้ตาไม่บอดซะก่อน

ทำงาน
ประชุม-ทำงาน 12-14 ชม./วัน เป็นว่าเล่น ทำงานโหดเกินธรรมชาติแบบนี้ ดวงตาอันบอบบางของเราก็ต้องได้รับการทะนุถนอม งานหนัก ลูกค้าเร่ง แต่ตาก็ต้องพัก…แล้วเราพอจะทำอะไรได้บ้าง?

ทำงานหนัก จ้องหน้าจอนานกว่า 12-14 ชั่วโมงต่อวันอาจทำร้ายสายตาอย่างรุนแรง? แค่เปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย คุณก็สามารถปกป้องดวงตาและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกลัวอาการตาล้า !

กฎ 20-20-20

กฎคลาสสิกในวงการบำรุงสายตาซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

  • 20 นาที: พักทุกๆ 20 นาที ลุกออกจากโต๊ะทำงาน ละสายตาจากคอม
  • 20 ฟุต (6 เมตร): มองออกไปข้างนอกให้ไกล ยิ่งไกลได้ยิ่งดี
  • 20 วินาที: มองไกลๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที ดวงตาจะเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย

ระหว่างที่พักสายตา เครื่องดื่มที่แนะนำคือ “ชาเขียว” เพราะอุดมด้วย “แคทีชิน” (catechin) หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยการหลั่งของน้ำตา

แสงสีฟ้า

Matthew Walker นักประสาทวิทยาเผยว่า การได้รับ “แสงสีฟ้า” (Blue Light) ที่แผ่ออกมาจากจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่กระตุ้นให้ร่างกาย ‘ง่วง’ ถึง 23% เป็นอันตรายโดยเฉพาะช่วงกลางคืน เมื่อร่างกายไม่ค่อยง่วง ก็หลับยากขึ้น เวลานอนน้อยลง ร่างกายพักผ่อนน้อยลง ตาก็พักผ่อนน้อยลง…ส่งผลถึงวันพรุ่งนี้และวันต่อไปเป็นทอดๆ

เขาแนะนำให้ใส่แว่นกรองแสงสีฟ้า หรือถ้าไม่สะดวก ให้ติดฟิล์มหน้าจอคอมแทน เพื่อป้องกันแสงสีฟ้า แถมยังป้องกันผิวพรรณใบหน้าเราได้ด้วย แสงสว่างโดยรอบก็สำคัญ ควรปรับแสงให้สว่างแต่พอดี ไม่จ้าไป-ไม่มืดไป

ตำแหน่ง

นั่งให้ห่างจอคอม 1-2 ฟุต (0.3-0.6 เมตร) และซูมขยายหน้าจอหรือปรับตัวหนังสือให้ใหญ่เป็นพิเศษ ตาจะทำหน้างานหนักน้อยลง รวมถึงความสูงของจอคอม ต้องต่ำกว่าระดับสายตาราว 4-5 นิ้ว หากต่ำกว่านี้อาจนำไปสู่โรคโรคออฟฟิศซินโดรม ปวดไหล่-ปวดคอ-ปวดหลัง

ดื่มน้ำเยอะๆ

เรียบง่ายที่สุด นอกจากออกซิเจนแล้ว ดวงตาก็ต้องการน้ำในปริมาณที่ไม่น้อยเลย ในการสร้างความชุ่มชิ้น การหลั่งน้ำตา

กะพริบตาให้บ่อย

สถาบันจักษุวิทยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (American Academy of Ophthalmology) เผยว่า มนุษย์กะพริบตาเฉลี่ย 15 ครั้ง/นาที แต่พฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ ทำให้เราลืมกะพริบตาจนส่งผลเสียความชื้นรอบดวงตาในที่สุด กรณีที่ไม่ไหวจริงๆ ให้พก “น้ำตาเทียม” ติดตัว ขอตัวเข้าห้องน้ำและหยอดเพิ่มความชื้นแก่ดวงตา จำเป็นมากโดยเฉพาะคนที่ใส่คอนแทคเลนส์

หลับตาให้บ่อย

เวลานั่งทำงานหรือนั่งฟังประชุมนานๆ ควรหลับพักสายตา “ค้างไว้ 3-5 วินาที” อยู่บ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัยเพื่อพักฟื้นความเหนื่อยล้าของดวงตา และเป็นพฤติกรรมที่ไม่ส่งผลเสียต่อสถานการณ์รอบข้างนัก

เทคนิคจากแพทย์ตะวันออก

Seishi Konno แพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันชาวญี่ปุ่น เผยเคล็ดลับการบำรุงสายตาด้วยวิธีที่เรียบง่ายแต่เวิร์คสุดๆ จนทำให้เขาโด่งดังไปทั่วประเทศญี่ปุ่น เขาแนะนำว่าให้ “หายใจออกทางปากช้าๆ ค้างไว้ 6 วินาทีเป็นอย่างต่ำ” (จะทำปากจู๋ปากยังไงก็ได้ ขอแค่ค้างไว้ 6 วินาทีอย่างต่ำ)

เพราะเส้นใยที่ประกอบกันเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อโดยปกติทำงานต่อเนื่องแค่ 5 วินาที ถ้านานกว่านั้นมันจะเพิ่มจำนวนเพื่อให้ทำงานได้ทนมากขึ้น-หายใจได้ลึกขึ้น อานิสงส์คือเรารับออกซิเจนไปเลี้ยงดวงตาได้มากขึ้นในที่สุด วิธีนี้สามารถทำได้แนบเนียนในห้องประชุมและทุกที่ตามใจอยาก (ทดลองทำดูเห็นผลแน่นอน) อีกแนวคิดของเขาคือ การจะดูแลดวงตาให้ดีได้…ต้องดูแลอวัยวะอื่นให้ดีตามด้วย เพราะทุกอวัยวะ ‘เชื่อมโยง’ ถึงกัน โดยทำการ “นวด” ช้าๆเบาๆ ในหลายอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นรอบดวงตา รอบหู รอบศีรษะ รอบคอ เล็บนิ้วมือ 

จนไปถึงการ “เคาะ” เบาๆ บริเวณแขนและต้นขา ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งจะส่งเลือดไปเลี้ยงดวงตาในที่สุด อันที่จริง รายละเอียดการนวดและเคาะยิบย่อยเอามากๆ ถ้าอยากจำเอาไปปฏิบัติง่ายๆ ก็ให้ “นวด-เคาะ…จุดละ 3 ครั้ง” เช่น ‘นวด’ วนรอบดวงตาช้าๆเบาๆ 3 ครั้ง ก่อนขยับไปนวดศีรษะ 3 ครั้ง (ค่อยๆ ไล่ทีละจุดให้ทั่วศีรษะ) ขณะเดียวกัน ก็ให้ ‘เคาะ’ แขนซ้ายจุดละ 3 ครั้ง ไล่จากข้อศอกถึงข้อมือ ก่อนจะย้ายไปเคาะแขนขวาในลักษณะเดียวกัน

เขายังแนะนำให้รับประทาน “แครอท” เยอะเป็นพิเศษ เพราะมีสารเบตาแคโรทีนซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายใช้ในการบำรุงดวงตา…หรือหากไม่สะดวก ก็สามารถหาอาหารเสริม ที่มีวิตามิน A ช่วยบำรุงสายตาช่วย ที่สำคัญ ต้อง “ตรวจสุขภาพตา” เป็นประจำทุกปี ทำให้เหมือนการทำงาน อย่าลืมตั้ง KPI วัดผลกับดวงตาเราด้วย

ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นเทคนิคที่ฟังดูเรียบง่ายแต่ได้ผล ซึ่งนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์มากๆ 

สุดท้าย อย่าลืมเข้าไปทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาสายอาชีพที่คุณรัก และพร้อมลุยงานกับมันวันละ 12 ชั่วโมง! >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/


อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

AI is Making You Dumber
ใช้ AI ยังไง ไม่ให้โง่ลงกว่าเดิม ถามตัวเองว่าคุณกำลังให้ AI ‘ช่วยคิด’ หรือให้ AI ‘คิดแทน’ อยู่กันแน่
แอดมินได้มีโอกาสดูคลิปของช่อง Cold Fusion ที่พูดถึงเรื่องเทคโนโลยีไว้อย่างน่าสนใจ ในชื่อ ‘AI is Making You Dumber. Here’s Why’ คลิปนี้พูดถึงเทรนด์เกี่ยวกับการใช้...
5 คอร์สเรียนฝึกความคิด
5 คอร์สเรียนฝึกความคิด วิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยและบริษัทระดับโลกเรียนจบพร้อมรับใบเซอร์
แนะนำคอร์สระดับเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ให้มี Critical Thinking 1. Introduction to Logic and Critical Thinking – มหาวิทยาลัย...
Burnout and stress
ทำความรู้จักกับสภาวะหมดไฟ (Burnout) และสภาวะเครียด (Stress) ต่างกันอย่างไร รับมือได้อย่างไรบ้าง
ปกติแล้วสภาวะหมดไฟ หรือ burnout จะเกิดจากการที่เราเครียดมาก เครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะต่างจากความเครียด (Stress) ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ชั่วครั้งคราวตามสถานการณ์ที่พบเจอ...