ในวันนี้มี 3 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณทำความรู้จักตัวเองในมิติที่ลึกมากขึ้นช่วยให้การค้นหาตัวเองและการตั้งเป้าหมายถูกทิศถูกทางมากขึ้น มาแบ่งปันค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 เข้าใจความต้องการพื้นฐานของมนุษย์และตนเอง (Basic Human Needs)
Anthony Robbins นักพูดและไลฟ์โค้ชชื่อดังชาวอเมริกัน ได้กล่าวไว้ถึงสิ่งที่จำเป็นในชีวิตนี้ 6 อย่าง ไม่ว่าคนเราจะมาจากไหน แบคกราวนด์เป็นอย่างไร มี 6 สิ่งที่เป็นความต้องการพื้นฐาน ที่ทำให้ชีวิตของเรามีพลังในการเดินต่อได้ 6 สิ่งหรือที่เราเรียกว่า 6 Human Needs ประกอบด้วย
- ความมั่นคง (Certainty) – ต้องการสถานการณ์ที่ตนเองสามารถที่จะคาดเดาและควบคุมได้
- ความหลากหลาย (Variety) – คือความต้องการในการเปลี่ยนแปลง การอยากเจอ อยากรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ซ้ำซาก ความแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำซากจำเจ แม้ความมั่นคงในข้อ 1 จะเป็นสิ่งที่มนุษย์ปรารถนา แต่มั่นคงเพียงอย่างเดียวย่อมนำมาซึ่งความซ้ำซากจำเจ ะขาดความหลากหลายแปลกใหม่ ไม่ตื่นเต้น
- เป็นคนสำคัญและประสบความสำเร็จ (Significance) – มนุษย์ทุกคนอยากรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ และมีตัวตน ต้องการความภาคภูมิใจในตัวเอง และอยากให้คนอื่นชื่นชม
- ความรัก (Love & Connection) – ความรู้สึกผูกพันธ์กับการได้รับความยอมรับ ความรู้สึกในการเป็นพวกเดียวกัน
- ความก้าวหน้า (Growth) – อยากรู้สึกว่าตนเองก้าวหน้า เติบโตขึ้น ก้าวหน้าขึ้น ความสามารถที่เพิ่มขึ้น มนุษย์ทุกคนต้องการเรียนรู้และเติบโต
- การเป็นผู้ให้ (Contribution) – การรู้สึกมีประโยชน์ ได้ช่วยเหลือคนอื่น การให้ การสนับสนุนคนอื่น มนุษย์ทุกคนอยากมีความรู้สึกผู้สร้าง ผู้ช่วยเหลือ
Anthony Robbins เชื่อว่าคนเรามีความต้องการทั้ง 6 อย่างนี้ตลอดเวลา เพียงแต่ความต้องการแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ปัญหาคือคนส่วนมากมักพยายามยัดเยียดสิ่งที่เราต้องการให้กับคนอื่น โดยไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการด้วยหรือไม่ ดังนั้นเวลาจะหางานให้ดูว่ามีคุณสมบัติครบตามเช็คลิสต์ทั้ง 6 ข้อหรือไม่ ถ้าใช่คุณจะมีความสุข ประสบความสำเร็จและอยู่กับมันได้นาน
ขั้นตอนที่ 2: รู้จักจุดแข็งจุดอ่อน จุดบอดของตัวเอง
จากผลการวิจัยของแกลลัพพบว่าคนที่ใช้จุดแข็งในชีวิตประจำวัน (อย่างถูกทาง)จะมีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้ใช้จุดแข็งถึง 3 เท่า การรู้จุดแข็งของตัวเองช่วยร่นเวลาในการทำความเข้าใจตัวตนได้เป็นอย่างดี หลายๆคนพอถามว่าถนัดอะไร ชอบทำอะไร มีจุดแข็งอะไรจะตอบไม่ได้ เพราะอาจยังไม่เจอสิ่งทีถนัดและชอบ แนะนำว่าการให้เวลากับตัวเองในการได้ลองสิ่งต่างๆและคอยถามฟีดแบคจากคนรอบข้างอยู่เสมอ จะช่วยให้เรารู้จักจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองได้เช่นกันค่ะ
หากใครต้องการทางลัดก็สามารถเครื่องมือประเมินจุดแข็งอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Disc, CliftonStrengths, Scan นิ้วมือ คุณจะทราบจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองและสามารถนำไปแปลงเป็นจุดขาย ต่อยอดได้ง่ายขึ้นค่ะ
ขั้นตอนที่ 3: หา Ikigai ของตัวเองให้เจอ
อิคิไก คืออะไร ? อิคิ แปลว่า การใช้ชีวิต | ส่วน ไก แปลว่า ผลลัพธ์หรือคุณค่า รวมกันจึงหมายถึง คุณค่าของการมีชีวิต หรือการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ซึ่งเป็นแนวคิดของการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นที่มีมานานแล้ว และแนวคิดนี้ ทำให้เราเห็นว่า ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจนแก่ …โดยแนวคิดนี้ ต้องผ่านการวิเคราะห์จาก 4 ด้าน คือ
1. สิ่งที่เรารัก (What you LOVE) สิ่งที่เราชอบทำ หรือสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข
2. สิ่งที่เราทำได้ดี (What you are GOOD AT) ทำได้เก่งกว่าคนอื่น หรือเป็นจุดเด่นของเรา …
3. สิ่งที่ทำให้เกิดรายได้ (What you can be PAID FOR) เพื่อให้เราสามารถเลี้ยงชีวิตอยู่ได้
4. สิ่งที่สังคมต้องการ (What the World NEEDS) คนต้องการและเป็นประโยชน์กับสังคม
จะเห็นว่า อิคิไก เป็นการหา sweet spot ของความต้องการพื้นฐานทั้ง 6 ข้อ (ในข้อ 1)ผสานการใช้จุดแข็ง (ในข้อ 2) และต้อง “สร้างรายได้และสังคมต้องการ”เมื่อเราทราบ ความต้องการที่แท้จริง จุดแข็ง และ ikigai ของตัวเองแล้วก็หมั่นคอยเช็คกับตัวเองว่าเราได้ใช้จุดแข็งของเราในการทำงานและพัฒนาเต็มที่แล้วหรือยัง ทำความเข้าใจว่าจุดแข็ง จุดเด่น จุดขายของเราคืออะไรและอย่าลืมสื่อสารมันออกมาให้โลกได้รับรู้ เพียงเท่านี้คุณก็จะหางานที่ใช่ให้ลงตัวตอบความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง มีชีวิตการทำงานที่มีความสุข ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเพราะการได้เจอกับงานที่ใช่ มันคุ้มค่าและมีความสุขที่แตกต่างมากจริงๆค่ะ
เขียนโดย เณริศา อิศรางกูร ณ อยุธยา
- โค้ชจุดแข็ง Gallup-certified CliftonStrength Coach
- ที่ปรึกษาองค์กรและที่ปรึกษาส่วนตัวด้านการพัฒนาตนเองเพื่อการเปลี่ยนแปลง เชี่ยวชาญด้านการออกแบบชีวิต พัฒนาภาวะผู้นำด้วยจุดแข็ง ประสบการณ์ทำงานกว่า 20 ปี จากหลากหลายสายงาน ทั้งการเงินการธนาคาร, การตลาด, Digital Transformation, Omnichannel Management, Leadership Development, Training & HR ในระดับผู้บริหารจากบริษัทชั้น