“Hybrid Work” เทรนด์การทำงานที่พนักงานโหยหาให้องค์กรเอากลับมา!

Hybrid Work
เชื่อว่าเป็นเสียงเรียกร้องจากใจของพนักงานหลายคนที่ตอนนี้กำลังประสบพบเจอการที่บริษัทเริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเกือบ 100% ยิ่งตอนนี้ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ใจก็ยิ่งโหยหาการ Work From Home มากขึ้น มาลองอ่านกันว่าเหตุผลคืออะไร

“Hybrid Work” เทรนด์การทำงานที่พนักงานหลายคนต้องการ

“ได้โปรด เปลี่ยนจากเข้าออฟฟิศทุกวัน เป็น Hybrid Work ทีเถิด…”

เชื่อว่าเป็นเสียงเรียกร้องจากใจของพนักงานหลายคนที่ตอนนี้กำลังประสบพบเจอการที่บริษัทเริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเกือบ 100% ยิ่งตอนนี้ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ใจก็ยิ่งโหยหาการ Work From Home มากขึ้น มาลองอ่านกันว่าเหตุผลคืออะไร

ในช่วงเวลาของสถานการณ์ Covid-19 ที่ทุกคนต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน ทำงาน Work From Home กันเกือบจะ 100% ตอนนั้นถ้านึกกลับไปพนักงานหลายคนก็จะบอกว่าค่อนข้างเหงาและไม่ได้เข้าสังคมเลย แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่สามารถสร้างบาลานซ์หรือทำให้การเข้าออฟฟิศกับการอยู่บ้านพอดียิ่งขึ้นคือการทำงานรูปแบบ Hybrid Work หรือการเข้าออฟฟิศสลับกับการทำงานที่บ้าน ซึ่งเทรนด์นี้ค่อนข้างได้ผลในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และพนักงานหลายคนก็ชอบการทำงานรูปแบบนี้สะด้วย

ซึ่งขณะที่สถานการณ์โรคระบาดต่าง ๆ ฟื้นฟูและกลับมาสู่สภาวะปกติมากขึ้น หลายออฟฟิศเริ่มกลับมาเข้าออฟฟิศ 100% หรือเรียกได้ว่าเข้าทุกวัน ซึ่งทำให้พนักงานหลายคนนึกถึงช่วงเวลาของการทำงานรูปแบบ Hybrid Work

ซึ่งข้อดีของ Hybrid Work ก็มีหลากหลายข้อ วันนี้ CareerVisa จะมาเปิด 11 ข้อดีของการทำงานรูปแบบ Hybrid Work ให้ได้ลองอ่านกัน บริษัทต่าง ๆ ลองนำไปพิจารณากันได้นะ

  1. เสริมสร้างการทำงานร่วมกัน: ด้วยสถานการณ์ที่เราไม่ต้องเจอกันทุกวัน เวลาการทำงานทุกวินาทีที่อยู่ด้วยกันจึงค่อนข้างมีค่า เพราะฉะนั้นทุกเวลาที่เข้าทำงานที่ออฟฟิศ การทำงานเป็นทีมจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้น ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเมื่อต้องทำงาน Work From Home

  1. สร้างความ Productive และความถึงพอใจของพนักงาน: เพราะการทำงานรูปแบบ Hybrid Work ทำให้พนักงานได้แบ่งเวลาให้กับตัวเองแบบยืดหยุ่นยิ่งขึ้น การทำงานจึงออกมาอย่างมีประสิทธิภาพและมีความพึงพอใจ ไม่เครียดง่ายเหมือนเข้าออฟฟิศทุกวัน

  1. เรียนรู้อะไรรอบตัวได้มากยิ่งขึ้น: เพราะการอยู่บ้านหรือ Work From Home ทำให้พนักงานได้มีเวลาให้กับตัวเองที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อว่างจากการทำงานที่หนักหน่วง ก็สามารถหาความรู้หรือเรียนเสริมเพื่อพัฒนาตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น

  1. ได้มีเวลาให้กับตัวเอง เข้าสังคมได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น: เมื่อเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การที่ไปเจอเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศก็จะสามารถเข้าสังคมและปฏิสัมพันธ์ได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน 

  1. เสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี: สุขภาพจิตไม่เสียเพราะว่าการทำงานไม่ตึงเครียด และมีความยืดหยุ่น เลยทำให้ Mental Health ของพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid Work ค่อนข้างดีกว่าคนที่เข้าออฟฟิศทุกวัน หรือทำงานรูปแบบ Remote 100%

  1. ทำงานที่ไหนก็ได้: หลายครั้งที่การเปลี่ยนบรรยากาศทำงานทำให้การทำงานของพนักงานนั้นออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าเดิม เพราะฉะนั้นข้อดีของ Hybrid Work คือการเปิดโอกาสให้พนักงานได้เปลี่ยนสถานที่ทำงาน และมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

  1. สร้างสมดุลชีวิต Work-Life Balance ที่ดี: การเข้าออฟฟิศทุกวัน เราต้องเหนื่อยกับการเดินทางไม่ว่าจะเป็นรถติดตอนเช้าก่อนไปทำงาน รวมถึงรถติดตอนเย็นหลังเลิกงาน ซึ่งทำงานเสียเวลาชีวิตไปมาก เพราะฉะนั้นการทำงานรูปแบบ Hybrid Work จะทำให้เราได้ยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และมีสมดุลมากขึ้นนั่นเอง

  1. บริษัทสามารถเข้าถึงกลุ่มพนักงานที่มีความสามารถมากยิ่งขึ้น: ปัจจุบันนี้พนักงานเอาเทรนด์การทำงานแบบ Hybrid Work มาเป็นปัจจัยในการเลือกงานมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นบริษัทที่มีรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Work จะสามารถเข้าถึงกลุ่มพนักงานที่มีความสามารถได้มากกว่าบริษัทที่ไม่มีการทำงานรูปแบบนี้

  1. สร้างความน่าเชื่อถือ: พนักงานหลายคนสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพเท่าเดิมเมื่อทำงานรูปแบบ Hybrid Work จาก Surver ของ Mercer (HR Firm) กล่าวว่า 90% จากพนักงาน 800 คนที่ตอบแบบสอบถามชี้แจงว่าประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาเท่าเดิมหรือดีขึ้นกว่าตอนทำงานที่ออฟฟิศทุกวันด้วยซ้ำ

  1. ลดต้นทุนสถานที่: เพราะพนักงานไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน ตรงนี้เป็นข้อดีของบริษัทอย่างมากที่จะได้ลดต้นทุนของสถานที่ หรือสวัสดิการในออฟฟิศลง 

  1. ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นมาก: นี่คือพลังที่ดีที่สุดของการทำงานแบบ Hybrid Work คือพนักงานหลายคนสามารถสร้างสรรค์หรือคิดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าตอนทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งเหตุผลนี้วัดได้จากผลงานของพนักงานที่มอบให้กับบริษัท

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

อยากมีความสุข
อยากมีความสุข ต้องหยุดวิ่งตามความสุข! เปลี่ยนชีวิตด้วยแนวคิด Antifragility
หลายคนเข้าใจว่าความสุขคือการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ปราศจากความเจ็บปวดหรือความเครียด แต่ในความเป็นจริง งานวิจัยพบว่า การวิ่งไล่ตามความสุขมากเกินไป อาจทำให้เราห่างไกลจากมันยิ่งขึ้นแนวคิด...
วิธีเพิ่ม Employee Engagement
15 วิธีเพิ่ม Employee Engagement สำหรับ HR โดยไม่เสียเงินสักบาท
ทีม HR ไม่ใช่ทีมที่มีเงินเยอะเท่าไหร่ แต่อยากหา “วิธีเพิ่ม Employee Engagement” ให้ได้ผลCareerVisa มี 15 ไอเดียมาแนะนำ ในแบบทีไม่ต้องใช้เงินเพิ่มสักบาท.♥️ส่งเสริมสมดุลชีวิตและการทำงาน...
10 ทักษะ
10 ทักษะสุดล้ำ พัฒนาไว้เพื่อก้าวสู่อนาคตการทำงานในปี 2025
เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานในปี 2025 โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกพัฒนาและนำมาใช้ในทุกสายงาน ทำให้ทักษะที่เคยสำคัญอาจล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว...